27 เม.ย. 61 : 17:58 น.
Inbound Marketing คืออะไร
หลายๆท่านอาจยังสงสัยว่า หลังจากเราเปิดร้านออนไลน์ไปแล้วเราจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเข้ามาใช้งานผ่านเว็บไซต์ของเราเยอะๆ แน่นอนครับว่าถ้าหากเราเปิดร้านออนไลน์แล้ว ปล่อยมันไว้เฉยๆโดยปราศจากการทำการตลาด คงไม่มีลูกค้าหรือคนที่สนใจในสินค้าของเราเข้ามาเป็นแน่แท้ การทำตลาดก็มีหลายสายหลายรูปแบบ แต่ในวันนี้เราจะมาพูดถึง Inbound Marketing
5555+ นี่มันคาราบาว เล่นไรให้มีขอบเขตบ้างนะ
Inbound Marketing คือการตลาดในรูปแบบให้ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจในสินของเราเข้ามาหาเราเอง โดยมุ่งเน้นพัฒนาช่องการขายสินค้าของตัวเองให้มีประสิทธิภาพ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาสู่ช่องทางการขายของเรา ไม่ว่าจะเป็น Social Media หรือ Website แล้วเราจะทำการพัฒนาช่องการขายสินค้าได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้ทุกๆท่านเข้าใจภาพรวมของการทำงานของ Inbound Marketing เราได้นำ Inbound Methodology ของ Hubspot มาให้ทุกท่านได้ดูเพื่อเข้าใจภาพรวมของการทำงานทั้งหมดก่อน
Inbound Methodology by HubSpot
Attract (ดึงดูดใจ)
แปลกันง่ายๆและก็ตรงตัวกันไปเลย สำหรับในส่วนของ Attract หรือ ดึงดูดใจ โดยเราจะทำการเปลี่ยนคนแปลกหน้า (Stranger) ให้เป็นผู้เข้ามาเยี่ยมชม (Visitors) โดยการใช้เครื่องมือต่อไปนี้ในการทำงาน Blog (การทำบล็อก), Keywords (การทำ SEO ให้กับคีย์เวิร์ด), Social Publishing (โพสต่างๆใน Social Media)
ดึงดูดคนแปลกหน้าให้มาเป็นผู้เข้าชมด้วยวิธีการต่างๆ เช่น เขียนบล็อก, การทำ SEO กับคีย์เวิร์ด
Convert (ปรับเปลี่ยน)
ในส่วนของ Convert เราจะทำการเปลี่ยนผู้เข้าชม (Visitors) ให้เป็นตัวหลักในการเข้าถึงช่องทางการขายสินค้าของเรา (Leads) หรืออาจพูดง่ายๆว่าพยายามเปลี่ยนให้ผู้ชมมาเป็นแฟนคลับของเราให้ได้ โดยการใช้ Calls-to-Action ทำช่องทางของเราให้มีปฎิสัมพันธิ์กับผู้เข้าชมเพื่อทำความรู้จักกันมากขึ้นด้วยวิธี Froms (การกรอกแบบฟอร์มง่ายๆ เพื่อเก็บข้อมูลเล็กน้อย และถ้ามีของแจกหลังจากกรอกข้อมูลจะดึงดูดผู้เข้าชมมากยิ่งขึ้น), Landing Pages (ประกาศโปรโมชั่น หรือส่วนลดต่างๆผ่าน Landing Pages สำหรับผู้ที่สมัครสมาชิกหรือกรอกข้อมูล)
จัดให้มีการกรอกแบบฟอร์มง่ายๆ ทำให้เราได้ทราบข้อมูลของผู้ที่สนใจสินค้า หรือบริการของเรา
Close (ใกล้ชิด)
Close ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าปิดหรือเลิกนะครับ แต่หมายถึงความใกล้ชิด หลังจากที่เรามีแฟนคลับแล้ว (Leads) คราวนี้ถึงการที่เราจะหลอกขายของให้กับเค้าแล้วละ 5555+ คือการเปลี่ยนแฟนคลับให้เป็นลูกค้า (Customers) เพราะว่าหลังจากที่เค้าสนใจและมีปฎิสัมพันธิ์กับ Calls-to-Action ของเรา เท่ากับว่าทั้งเค้าและเราต่างรู้ข้อมูลของกันและกันในระดับนึง นั่นหมายถึงแฟนคลับของเราเองก็สนใจในสินค้าหรือบริการของเราอยู่บ้าง อย่างง่ายๆเลยคือการส่ง Email ที่ผู้เป็นสมาชิกเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิพิเศษ ก็ทำให้แฟนคลับของเรารู้สึกถึงความเอาใจใส่กับพวกเค้า แค่นี้แฟนคลับของเราก็เปลี่ยนมาเป็นลูกค้าได้ไม่ยาก หรือใช้ระบบ CRM (Customer Relationship Management) หลังจากที่แฟนคลับของเราเริ่มเปลี่ยนมาเป็นลูกค้ากับเราแล้ว CRM คือ การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ซึ่งหมายถึงวิธีการที่เราจะบริหารให้ลูกค้ามีความรู้สึกผูกพันธ์กับสินค้า บริการ หรือองค์กรของเรา เมื่อลูกค้ามีความผูกพันธ์ในทางที่ดีกับเราแล้วละก็ ลูกค้าก็จะไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจไปจากสินค้าหรือบริการของเรา ทำให้เรามีฐานลูกค้าที่มั่นคง
เปลี่ยนจากแฟนคลับมาเป็นลูกค้าให้ได้ โดยใช้ข้อมูลที่ได้จาก Calls-to-Action
Delight (สุขใจ)
หากสินค้า หรือบริการของเรามีคุณภาพตรงตามที่ลูกค้าของเราคาดหวัง เมื่อลูกค้ารู้สึกดีจะมีการบอกต่อไปยังเพื่อนฝูง รวมถึงอาจมีการรีวิวสินค้า หรือบริการของเรา ทำให้เราได้ผู้เข้าเยี่ยมชมใหม่ (Visitors) ผ่านการบอกกล่าว รวมถึงรีวิวของลูกค้าที่ใช้สินค้า หรือบริการของเรา โดยเฉพาะการรีวิวสินค้าจากลูกค้านั้นถือเป็นเนื้อหาที่มีคุณค่าต่อความน่าเชื่อถือ และยังมีส่วนที่ช่วยในการโปรโมทสินค้า หรือบริการให้กับเราเป็นอย่างมาก รวมไปถึงลูกค้าเหล่านี้จะคอยกดแชร์ กดถูกใจให้กับ Content ที่เราทำอยู่ตลอดเวลา ทำให้ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาแต่อย่างใด สินค้าและบริการดีมีคุณภาพ ลูกค้าซื้อสินค้า เราได้รายได้จากลูกค้า ลูกค้าเห็นว่าสินค้าดีก็บอกต่อ หรือทำการรีวิว เราก็ได้การโปรโมทจากลูกค้า สรุปว่าสุขใจทั้งผู้ซื้อและผู้ขายกันเลยทีเดียว
การโปรโมทผ่านลูกค้าของเรา ผ่านการบอกเล่าปากต่อปาก ถือเป็นการโฆษณาที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย
แต่การทำ Inbound Marketing นั้นก็เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร เพราะเราแทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณา ใช้เพียงแรงงาน เวลา และความคิดเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้ การเปิดร้านออนไลน์นั้นต้องใช้การตลาดเข้าช่วย การที่ผมนำเสนอการทำ Inbound Marketing เพราะว่าเราสามารถทำเองได้ เพียงแต่ต้องใช้ความอดทนในการทำเนื้อหาที่มีคุณภาพเพื่อดึงดูดผู้สนใจ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น การเปิดร้านออนไลน์เป็นเพียงหน้าร้านเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า แต่การที่ร้านออนไลน์ของเราจะอยู่รอดได้นั้น ก็ต้องอาศัยทักษะ และความรู้ที่มีอยู่ในโลกออนไลน์เพื่อสร้างอาวุธไว้ต่อสู้กับร้านออนไลน์อื่นๆ ตัวของเจ้าของร้านออนไลน์เองก็ต้องหาทางเอาตัวรอดจากศัตรูทางการค้าที่อยู่ในโลกออนไลน์ ที่นับวันผู้ที่เปิดร้านออนไลน์ก็เริ่มมีมากขึ้นในทุกๆวัน ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้เริ่มเปิดร้านออนไลน์เป็นของตัวเอง ก็อย่าลืมหาช่องทางเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจของท่านด้วยนะครับ สกุณี เปิดร้านออนไลน์ เพิ่มยอดขายง่ายๆ เพิ่มรายได้โดนๆ